การตอบข้อโต้แย้งในธุรกิจแอมเวย์
ในการทำธุรกิจแอมเวย์นะครับ เวลาที่คุณออกไปทำงานพื้นฐาน สิ่งที่คุณจะต้องพบต้องเจอจนกระทั่งเป็นมงกุฎฑูตก็คือ “ข้อโต้แย้งในธุรกิจแอมเวย์” จริงๆแล้วข้อโต้แย้งก็มีอยู่เยอะแยะมากมาย แต่ที่สำคัญๆในระดับท๊อปฮิต ก็มีอยู่แค่ไม่กี่อย่างด้วยกันนะครับ อย่างเช่น “ของแพง คนทำเยอะแล้ว ไม่มีเวลา พูดไม่เก่ง ไม่รู้จะไปขายใคร ขายของไม่เป็น ไม่ชอบง้อคน ไม่มีเงินทุน ไม่มีรถ ของนอกอยากใช้สินค้าไทยมากกว่า” จริงๆแล้วในการตอบข้อโต้แย้งคุณจะต้องพยายามตอบไม่ให้ขัดแย้งกับเขา พยายามถามข้อคิดเห็นจากเขา เปรียบเทียบจากสิ่งที่ใกล้ตัวเขา และการตอบข้อโต้แย้งนั้น คุณไม่จำเป็นต้องตอบทั้งหมด ให้ตอบแค่เขาเข้าใจก็พอ คือคุณควรจะรู้ให้เยอะเข้าไว้เป็นสิ่งที่ดีแล้ว แต่เวลาพูด พูดแค่ให้เขาเข้าใจ และฟังเขาให้เยอะ และถ้าเขาพูดอะไรในแง่ลบมา ให้เราบวกใส่ ยิ้มให้เขา แล้วบอกเขาว่า “ดี” ทุกครั้งไปนะครับ อย่าไปลบตอบเขา คือไม่ใช่ว่าไปเถียงกับเขาน่ะครับ เราควรจะนำความสวยงามของธุรกิจแอมเวย์ เข้าไปเคลียร์ปัญหาให้เขามากกว่าที่จะไปนั่งเสียเวลาเถียงกัน คุณอย่าลืมนะครับว่าอีกฝ่ายเขาไม่รู้กับคุณว่าแอมเวย์ดีอย่างไร เพราะฉะนั้นเรา ซึ่งเป็นฝ่ายที่รู้ดีอยู่แล้ว ก็ควรทำความเข้าใจกับเขา แต่ก็มีเรื่องที่ต้องยอมรับอยู่เรื่องนึงนะครับว่าจริงๆแล้ว คนเรามันมีอยู่ 3 ประเภท คือ มีเหตุผล ไม่มีเหตุผล แล้วก็ ยังไงก็ได้ เมื่อเรารู้แบบนี้แล้ว คนแรกที่เราควรจะไปเล่าเรื่องราวดีๆแบบนี้ให้เขาฟังคือใครดีครับ ก็คนมีเหตุผลถูกมั้ยครับ แล้วคนต่อไปล่ะ ควรชวนใครดี ก็คนมีเหตุผลอีกเหมือนกัน แล้วถ้าคนมีเหตุผลไม่มีล่ะ จะทำไงดี ก็ยังมีพวกยังไงก็ได้อยู่ แต่ถ้าวันนี้คุณไปชวนคนที่ไม่มีเหตุผลแล้วมัวแต่ไปนั่งเถียงกับเขานะครับ นอกจากคุณจะเสียเวลาแล้ว คุณยัวจะเหี่ยวอีก ถ้าคุณเถียงแพ้เขา ถ้าคุณไปเจอคนที่ไม่มีเหตุผลนะครับ ผมขอแนะนำว่าให้อยู่ไกลๆเขาไว้ หรือหากเผลอไปพูดแอมเวย์ด้วยแล้ว แต่คุณไม่รู้ว่าจะใช้ความสวยงามของธุรกิจแอมเวย์เข้าพูดด้วยยังไง ก็ให้คุณยิ้มไว้แล้วบอกเขาไปว่า “อ๊ะได้เวลา.....” แล้วรีบเดินจากเขาไปให้เร็วที่สุด อย่าไปเสียดายเขาครับ เพราะเป้าหมายของคุณคือ “หาคนที่เชื่อคุณให้เจอก็พอ”
สิ่งสำคัญที่สุดสำหรับการตอบข้อโต้แย้งก็คือ ความเข้าใจในความสวยงาม และความเข้าใจในธุรกิจแอมเวย์ของคุณนะครับ ง่ายๆครับ เพียงเริ่มจากศึกษาเรื่องราวต่อไปนี้ ซึ่งก็ได้กลั่นกรองจากประสบการณ์ของตัวผมเอง และจากผู้สำเร็จหลายๆท่าน ซึ่งก็จะช่วยให้คุณสามารถนำไปประยุกต์ใช้กับธุรกิจของคุณในอนาคตได้ครับ
ถามตอบข้อโต้แย้งในธุรกิจแอมเวย์
1. ของแพง
ตอบ เวลาตอบอย่าเพิ่งไปโต้กับเขา เราต้องตอบแบบเข้าใจเขา เช่น “พี่ว่าแพงเหรอ แต่ผมว่าโคตรแพงเลย” การตอบนะครับ เราไม่จำเป็นต้องตอบทั้งหมด ตอบเพียงแค่ให้เขาเข้าใจว่า มันไม่ได้แพงอย่างที่คิดก็พอ อย่างเวลาที่ผู้มุ่งหวังบอกผมว่า ราคาแพงเกินไป ผมจะบอกเขาว่า
พี่ว่าแพงเหรอ แต่ผมว่าโคตรแพงเลย พี่เชื่อมั้ยตอนผมซื้อมาใช้ครั้งแรกนะ ผมก็คิดว่ามันแพงมากเหมือนกัน แต่ก็เพราะว่า ผมอยากใช้ราคาทุนผมก็เลยสมัครเข้ามา พอลองใช้ดูแล้ว ก็เลยรู้ว่าสินค้าราคาสูงไม่ได้หมายความว่ามันแพงนะ ที่มันราคาสูงเพราะมันเป็นแบบเข้มข้น (ตรงนี้ถ้านำชุดสาธิตไปด้วยก็ให้สาธิตให้เขาดู) ที่บ้านผมนะ จะใช้น้ำยาล้างจานเยอะมาก เลยต้องไปซื้อบ่อยๆ แต่พอเปลี่ยนมาใช้ของแอมเวย์ เค้าบอกว่ามันเป็นแบบเข้มข้น แอมเวย์บอกว่าที่อเมริกากับที่เมืองไทย สูตรโครงสร้างของน้ำเหมือนกันคือ H2O ไม่จำเป็นต้องแบกน้ำจากที่อเมริกามาขายที่เมืองไทย ให้คุณเอาแบบเข้มข้นมาผสมน้ำเอง น้ำยาล้างจานของแอมเวย์หนึ่งขวด จะผสมเป็นขวด 500 มิลลิลิตร ได้ 20 ขวด ก็ตกขวดละประมาณ 15เอง แถมคุณภาพยังดีกว่ายี่ห้อทั่วไปอีกด้วย ยี่ห้อหั่วไปขวด 127 มิลลิลิตร ขวดละ10 – 15 บาท แล้วแต่ยี่ห้อ ถ้าเทียบที่ปริมาตรเท่าๆกันคือ 500 มิลลิลิตร จะตกขวดละประมาณ 35 – 40 บาทเลยนะครับ แบบนี้ใครถูกกว่าครับ ของแอมเวย์ใช่มั้ยครับ ถูกแถมใช้ดีกว่าแบบนี้พี่จะเอาซักกี่ขวดดีครับ
ดูก่อนว่าเขาเข้าใจที่เราพูดหรือไม่ ถ้าเขายังไม่เข้าใจก็ให้อธิบายต่อว่า สินค้าของแอมเวย์นะพี่ มีครบทั้ง 5 ป. เลย ประโยชน์ ประหยัด ปลอดภัย ประสิทธิภาพ ประกันความพอใจ ถ้าพี่ไปซื้อของนะ บางทีจ่ายเงินไปแล้ว นึกขึ้นได้ว่าที่บ้านยังมีเหลือ พอจะเอาไปคืน เจอป้ายตัวเบ้อเร่อเลย “ซื้อแล้วไม่รับเปลี่ยนคืน” แต่ถ้าเป็นของแอมเวย์นะ เราซื้อไป ใช้ไปแล้วไม่พอใจ เราก็เอาไปคืนเขาได้ แถมยังช่วยประหยัด มีประโยชน์ คุ้มราคา ปลอดภัย มีประสิทธิภาพ และช่วยรักษาสิ่งแวดล้อมอีกด้วย พี่ลองคิดดูนะครับว่าคนเราใช้ยาสีฟันกันทุกวันใช่มั้ยครับ ถ้าเราใช้กันหมดเดือนละหลอดต่อคน ใช้กันทั้งประเทศ เป็น 70 ล้านหลอดต่อเดือน กลายเป็นขยะพลาสติก 70 ล้านชิ้นต่อเดือน แต่หลอดยาสีฟันแอมเวย์นะพี่ มันทำจากกระดาษ เราสามารถนำไปเผาหรือ รีไซเคิลได้ ช่วยลดขยะของประเทศ ได้ตั้งเดือนละ 70 ล้านหลอดเชียวนะครับ
เอาง่ายๆเลยนะครับ ถ้าพี่ไปซื้อทองตามร้านขายทองทั่วไป เสร็จแล้วขายคืน พี่ว่าเจ้าของร้านทองเค้าจะให้พี่ราคาเดิมมั้ยครับ ไม่นะครับ ราคาทองของพี่ที่เพิ่งซื้อ พอเอากลับไปขายก็ราคาตกแน่ๆ แต่ถ้าพี่ซื้อสินค้าแอมเวย์ ซึ่งก็มีทั้ง5 ป. นะครับ ใช้ไปไม่เกินครึ่ง พี่เอาไปคืนเค้ารับคืนนะครับ แถมได้เงินคืนเต็มจำนวนด้วย แบบนี้เรียกว่า “คุ้มกว่าซื้อทองมั้ยครับ”
2. คนทำเยอะแล้ว
ตอบ ใช่เลยครับพี่ผมก็ว่าคนทำเยอะจริงๆนะ เดินไปที่ไหนก็เจอแต่คนทำแอมเวย์ แต่พี่รู้มั้ยครับว่า คนทำแอมเวย์มันมีตั้งหลายแบบ มีทั้ง สมัครเกรงใจ สมัครใช้สินค้าราคาทุน สมัครทำเล่นๆแล้วเลิก สมัครตามๆเค้าไป มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่สมัครแล้วทำจริงจังจนสำเร็จเปลี่ยนชีวิต พี่เชื่อมั้ยครับว่า คนที่สมัครเล่นๆนี่ก็จะไม่ค่อยต่ออายุกัน คือแอมเวย์ เปิดโอกาสให้เราสามารถชวนคนที่ ไม่ได้ต่ออายุมาทำธุรกิจได้อีก คนไทยมีตั้ง 70 ล้านคน นักธุรกิจแอมเวย์ มีประมาณ 300,000 คน ทำจริงจังอยู่แค่ไม่กี่คน แบบนี้เรายังมีโอกาสชวนคนได้อีกเยอะมั้ยครับ
3. ไม่มีเวลา
ตอบ ดีเลยครับพี่ พี่นี่สุดยอดมากเลย ไม่มีเวลาแบบนี้เป็นมงกุฎฑูตได้แน่ๆ คนที่มีเวลาเยอะนะครับส่วนใหญ่เป็นคนขี้เกียจ จึงมีเวลาว่างทั้งวัน คนมีเวลาว่างมากแบบนี้ทำไม่ได้หรอกครับ แต่พี่บอกว่าพี่ไม่มีเวลา ก็แสดงว่าพี่เป็นคนขยันเลยมีอะไรให้ทำตลอดเวลาทั้งวัน โดยเฉพาะอะไรที่สำคัญๆในแต่ละวัน พี่จะเลือกทำสิ่งที่สำคัญก่อนถูกมั้ยครับ ถ้างั้นเรามาดูกันดีกว่าว่าทำแอมเวย์มันจะคุ้มมั้ยกับการแบ่งเวลามาทำ ถ้าทำแล้วมันคุ้ม เปลี่ยนชีวิตได้จริง ก็จะได้ตั้งใจทำกันแล้วลุยสุดๆไปเลย (ช่วงนี้ให้พูดความสวยงาม พูดแผน แล้วก็สาธิตสินค้าให้เขาดู) ถ้าทำแอมเวย์แล้วได้แบบนี้ น่าลองแบ่งเวลามาทำดูมั้ยครับ อีกอย่างนะ ธุรกิจแอมเวย์ เค้าไม่ได้บอกว่าต้องทำตอนไหน พี่สามารถทำเมื่อไหร่ก็ได้ แถมยังเปิดโอกาสให้เราสามารถชวนคนที่มีเวลาไม่ตรงกับเรา หรืออาจจะมีเวลามากว่าเรา เข้ามาในองค์กรได้อีก แบบนี้ดีมั้ยครับ
4. พูดไม่เก่ง
ตอบ ดีเลยครับพี่ ทำแอมเวย์นี่ ถ้าพูดไม่เก่งจะดีมากเลย เพราะว่าคนพูดไม่เก่งส่วนใหญ่จะฟังมากกว่าพูด พี่เชื่อมั้ยครับว่า คนพูดเก่งๆนะ สมัครเข้ามาแล้วก็ล้มหายไป เลิกกันไปหมดเลย ทำไมเหรอครับ ก็ถ้าไปเจอคนพูดเก่ง พูดไม่หยุดเลย พี่รำคาญมั้ยครับ คนพวกนี้นะครับ เขาจะพูดมากกว่าฟัง เขาคิดว่าเขาเป็นนักขายชั้นยอด ไม่ต้องฟังใครก็ได้พูดเก่งอยู่แล้ว สุดท้าย เขาก็ไม่ได้เข้าไปเรียนรู้ในที่ประชุม จึงไม่รู้ว่าวิธีการทำแอมเวย์ที่ถูกต้อง เป็นยังไง แล้วก็ต้องล้มเลิกหายไปจากธุรกิจในที่สุด แต่คนพูดไม่เก่งนะครับ เขาฟังมากกว่าพูด เขารู้ว่าเขายังไม่เก่งจึงเข้าไปเรียนรู้สิ่งที่ถูกต้องจากที่ประชุม และประสบความสำเร็จเป็นระดับเพชรจนถึงทุกวันนี้
5. ไม่รู้จะไปขายใคร – ขายของไม่เป็น
ตอบ ดีเลยครับพี่ เพราะว่าผมเองนะ ตั้งแต่สมัครทำธุรกิจแอมเวย์ ผมยังไม่เคยไปขายใครเลย คือจริงๆแล้วนี่สินค้าของแอมเวย์เค้าไม่ได้ผลิตมาให้เราขายหรอกครับ แต่เขาผลิตมาให้เราใช้ พี่ลองนึกภาพผมดูนะ แต่งชุดหล่อๆซักหน่อยนึง เอาตะกร้ามาใบนึง เอาสินค้าแอมเวย์ ผงซักฟอก สบู่ ใส่ตะกร้า แล้วไปเดินตามบ้าน เคาะประตูก๊อกๆแล้วบอก “แอมเวย์มาแล้วจ้า” พี่ว่าผมจะกล้ามั้ยครับ มันอึดอัดนะ ถ้าแอมเวย์เป็นแบบนี้นะ ผมคนนึงล่ะที่จะไม่ทำแอมเวย์ แต่พอดี แอมเวย์ในแบบของผมไม่ต้องเดินขายไง จริงๆครับ เอาอย่างนี้ก็แล้วกัน คือแอมเวย์ที่พวกเราเห็นกันมันมีอยู่สองแบบใหญ่ๆ คือแบบเซล หรือถือแคตตาลอกเดินขาย กับแบบทำธุรกิจ ความต่างของการเดินขายกับการทำธุรกิจก็คือ การเดินขาย ขายได้อย่างมากก็วันละไม่กี่ชิ้น ตามกำลังตามแรงของเรา แต่การทำธุรกิจ เราจะขายกี่หมื่นกี่พันชิ้นก็ได้เพราะเราไม่ได้ไปเดินขาย แอมเวย์ที่ผมทำอยู่ก็เป็นแบบธุรกิจครับ ผมไม่ได้ไปขายใครเลย แต่ผมซื้อมาใช้ ถ้าจะบอกว่าขายก็คือ ขายสินค้าแอมเวย์ให้กับตัวเอง พี่เชื่อมั้ยครับว่าหลายคนเข้าใจผิด คิดว่าสมัครแอมเวย์แล้วต้องขายของ พอสมัครเข้ามา พวกเขาก็จะเดินลุยขายตามบ้าน สุดท้ายเป็นไงครับ ก็ขายไม่ได้ คุณคิดดูนะ ลูกค้าเปิดแคตตาลอคออกมากางดู ไปเจอน้ำยาล้างจานขวดละ สามร้อยกว่า คุณว่าเค้าจะซื้อมั้ยครับ ไม่ซื้อ ไม่ว่าจะเป็นเราหรือคนอื่นๆ ถ้ายังไม่เข้าใจว่าสินค้าของแอมเวย์จริงๆแล้วแค่ราคาสูงในตอนซื้อ แต่จะช่วยประหยัดในระยะยาว เรื่องนี้คนขายแอมเวย์เค้าไม่เข้าใจครับ เพราะเค้าไปลุยขายโดยที่ไม่ได้สาธิตให้ลูกค้าดูว่าสินค้าของแอมเวย์ช่วยอำนวยความสะดวกให้ลูกค้าได้อย่างไร ช่วยประหยัดได้อย่างไร และที่สำคัญคือใช้ยังไง เพราะสินค้าของแอมเวย์เป็นสินค้าพิเศษที่ต้องเรียนรู้วิธีการใช้ เชื่อมั้ยครับว่าถึงคนขายแอมเวย์จะขายได้ แต่ก็ขายได้ไม่นานหรอกครับ เพราะลูกค้าซื้อไปแบบเกรงใจ แถมใช้ก็ไม่เป็น ราคาก็คิดว่าแพงเพราะไม่เคยรู้ว่าจริงๆแล้วมันถูก ในที่สุดเมื่อคนขายแอมเวย์ไม่รู้จะไปขายใคร เค้าก็จะล้มเลิกจากธุรกิจแอมเวย์ไปในที่สุด และที่สำคัญคือ บางทีเขายังไม่ได้ขายให้กับตัวเองเลยด้วยซ้ำ เอาเป็นว่าพี่ไม่ต้องไปเดินขายหรอกครับแค่ลองซื้อมาใช้ดู เดี๋ยววิธีใช้ผมจะบอกให้ เราทำแอมเวย์แบบธุรกิจ เราก็ต้องใช้สินค้าแบบผู้ประกอบการ คือรู้ว่าสินค้าเราเป็นยังไง ส่วนวิธีการทำธุรกิจก็ไปคุยกันที่ประชุม
6. ของนอกทำไมไม่ใช้ของไทย
ตอบ จริงครับพี่คนเราปัจจุบันนี้นะครับ จะใช้ของนอกกันซะส่วนใหญ่ เสื้อผ้าที่ใส่กันก็ของนอก เวลาเรารีบๆก็ทานอาหารฟาสฟูด ก็เป็นของนอกอีก แม้แต่นาฬิกา หรือของใช้เล็กๆน้อยๆอย่างปากกาก็เป็นของนอกเหมือนกัน ทีนี้ผมว่าเราลองมาค่อยๆพูดปรับความเข้าใจกันดูดีกว่าว่า ทำไมปัจจุบันคนไทยเราถึงไปใช้ของนอกกัน
ยาสระผมหลายยี่ห้อในบ้านเรา บริษัทคนไทยต้องสั่งส่วนผสมประเภทฟองมาจากต่างประเทศ หรือสบู่ไทยหลายๆยี่ห้อ ก็ต้องสั่งส่วนผสมบางตัวเข้ามาจากต่างประเทศ แม้แต่ยาสีฟันก็เหมือนกัน ก็ยังต้องสั่งส่วนผสมบางตัวจากต่างประเทศ ผมไม่ได้บอกว่าสินค้าเหล่านี้เป็นของต่างชาตินะครับ แต่สินค้าเหล่านี้ก็ยังคงต้องพึ่งส่วนผสมจากต่างประเทศ แม้แต่สินค้าไทยหลายๆอย่างก็เช่นกัน ก็ยังต้องพึ่งพาธุรกิจและการค้ากับต่างประเทศ ไม่เช่นนั้นเราก็คงจะเป็นประเทศปิดจริงมั้ยครับ การค้าในปัจจุบันก็หลีกเลี่ยงไม่ได้เลยที่จะต้องมีการค้าขายกับต่างชาติ แต่สำหรับสินค้าแอมเวย์นะครับ อาจเป็นสินค้าต่างชาติก็จริง แต่ก็มีสินค้าของคนไทยที่เค้าช่วยส่งออกไปขายทั่วโลกเลยนะครับ เช่นข้าวหอมมะลิ ผลิตภัณฑ์ดอยคำ และอีกหลายชนิดด้วยกันที่มีให้เห็นใน Shop Amway เมืองไทย ที่สำคัญก็คือสินค้าของแอมเวย์ ใช้แล้วไม่พอใจยินดีคืนเงินให้เต็มจำนวน แถมถ้าคุณเป็นนักธุรกิจแอมเวย์ ใช้ๆไปปลายเดือนยังมีส่วนลดคืนให้อีก ถามว่าถ้าพี่ไปซื้อสบู่ตามท้องตลาดมาซักยี่ห้อนึง พี่ใช้ไปจนครึ่งก้อนไม่พอใจเอาไปคืน พี่ว่าพี่จะได้คืนซักบาทมั้ยครับ หรือถ้าพี่ซื้อมาแล้ว เดินออกจากร้านไปไม่ทันถึงสองนาทีนึกขึ้นมาได้ว่าที่บ้านยังเหลือเยอะอยู่เลย นึกเสียดายขึ้นมากะว่าจะเอาไปคืน แต่พอไปถึงร้านแล้วพี่ก็จะเจอป้ายตัวใหญ่ๆเขียนว่า “ซื้อแล้วไม่รับเปลี่ยนคืน” จริงๆแล้วเราเป็นผู้บริโภค เราก็ควรเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้กับเราใช่มั้ยครับ นอกจากนี้ บริษัทแอมเวย์ยังมีโครงการช่วยเหลือคนไทยด้านต่างๆเช่น โครงการ หนูฝันอยากเป็น ซึ่งช่วยเหลือเด็กไทยที่ด้อยโอกาส พี่ว่าถ้าสินค้าของเขาดี ราคาสมเหตุสมผล ซื้อแล้วไม่ชอบใจคืนได้ แถมใช้สินค้าของเขาแล้วยังได้ช่วยคนไทยด้วยกัน ได้ทำบุญร่วมกันอีกด้วย บริษัทดีๆแบบนี้น่าสนับสนุนมั้ยครับ
7. ไม่ชอบง้อคน
ตอบ ดีเลยครับพี่ ยิ่งไม่ชอบง้อคนยิ่งดีเลยครับ เพราะว่าทำธุรกิจแอมเวย์มันไม่ต้องง้อคน พี่เชื่อมั้ยครับว่า ตั้งแต่ผมทำธุรกิจนี้มาผมยังไม่เคยง้อใครเลย เพราะผมเองก็ไม่ชอบง้อคนเหมือนกัน เอาอย่างนี้ก็แล้วกัน พี่เคยเจอคนขายแอมเวย์มั้ย? เยอะนะ เค้ามักจะบอกพี่ว่า “ช่วยซื้อหน่อยกำลังทำยอด” ใช่มั้ยครับ คือแอมเวย์เนี่ยน้ามันมีอยู่ 2 แบบใหญ่ๆ แบบที่พี่เจอมามันเป็นแบบแรก หรือแบบเซลแมน แต่แบบที่ผมทำมันเป็นแบบธุรกิจ ทีนี้ถามว่า แล้วมันต่างกันยังไงหรอ คือแบบที่ผมทำเนี่ยมันไม่ต้องไปเดินขายของ แต่ก็สำเร็จได้รวยได้นะ ทีนี้ผมจะอธิบายว่าแอมเวย์มันไม่ต้องง้อคนยังไง คือกติกาเค้ามีอยู่ว่า ถ้าคุณหาคนที่เชื่อคุณเจอ เพียงแค่ 3 คน คุณก็เป็นมรกต คนไทยทั้งประเทศมีตั้ง 70 ล้านคนนะครับพี่ หาคนที่เชื่อพี่และจริงจังกับธุรกิจนี้ แค่ 3 คนเอง ถามว่าถ้าวันนี้พี่ไปชวนเพื่อนพี่มาทำธุรกิจแอมเวย์ แล้วเค้าไม่ทำ เค้าไม่เชื่อพี่ พี่ต้องไปง้อเค้ามั้ยครับ ไม่เห็นต้องง้อเลยใช่มั้ยครับ มีคนอีกตั้ง 70 ล้านคนให้พี่ชวน ลองคิดดูดีๆนะครับ แอมเวย์เป็นธุรกิจที่เราจะต้องมีความเป็นผู้ให้ ถ้าวันนี้ พี่เอาสิ่งดีๆเหล่านี้ไปให้เค้า แล้วเค้าไม่เอา ก็ไม่เห็นเป็นไรจริงมั้ยครับ พี่ยังสามารถนำสิ่งดีๆเหล่านี้ไปให้คนอื่นต่อ แต่ขอแค่เพียงพี่เข้าใจว่าแอมเวย์เป็นธุรกิจที่ดีอย่างไรก็แล้วกัน แล้วทำยังไงถึงจะรู้ได้ล่ะ ก็ลองสมัครเข้ามาเรียนรู้ดูซิครับ ถ้าไม่ชอบจริงๆค่อยลาออก ก็ยังได้เงินคืนนะ
8. ไม่มีเงินทุน
ตอบ ดีจังเลยครับพี่ เพราะแอมเวย์เป็นธุรกิจที่แทบจะไม่ต้องลงทุนเลย การลงทุนในธุรกิจแอมเวย์ง่ายนิดเดียวครับ คือ “แค่เราเปลี่ยนที่ซื้อของ” ก็เป็นการลงทุนแล้ว ในแต่ละวัน เราแปรงฟัน เราใช้ยาสีฟัน เราซักผ้า เราอาบน้ำถูสบู่ ซึ่งเราก็ใช้ของตามท้องตลาดทั่วไปอยู่แล้ว ซึ่งสิ่งเหล่านี้เราเรียกว่ารายจ่าย ถ้าหากว่าวันนี้คุณสามารถเปลี่ยนรายจ่ายซึ่งยังไงก็ต้องจ่ายอยู่แล้ว มาเป็น “เงินทุน” ได้ คุณว่าดีมั้ยครับ ผมกำลังจะบอกคุณว่า แอมเวย์ก็เป็นอย่างนั้นครับ หลักการของธุรกิจแอมเวย์ก็คือ “เปลี่ยนรายจ่ายมาเป็นเงินทุน” ทีนี้เราจะเปลี่ยนได้ยังไง เราก็แค่เปลี่ยนที่ซื้อของ จากเคยซื้อยาสีฟันที่ร้านอาแปะข้างบ้าน ก็เปลี่ยนมาเป็นซื้อยาสีฟันในร้านแอมเวย์ จากเคยซื้อผงซักฟอกในร้านอาหมวยคนสวย ก็เปลี่ยนมาซื้อผงซักฟอกในร้านแอมเวย์ เราสามารถนำของที่เราต้องซื้อมาใช้อยู่แล้วเหล่านี้มาใช้ในการทำธุรกิจแอมเวย์ได้ ถามว่าทุกวันนี้เราแปรงฟันกันทุกวันใช่มั้ยครับ เราถูสบู่กันทุกวัน แต่เราไม่สามารถนำสิ่งเหล่านั้นมาทำธุรกิจได้ หากเราไม่ใช่เจ้าของกิจการสบู่หรือยาสีฟัน แต่ถ้าเป็นธุรกิจแอมเวย์ เราสามารถทำได้ครับ ซึ่งก็ไม่ได้มีแค่สบู่หรือยาสีฟันเท่านั้น แต่มีสินค้าอุปโภคบริโภคมากมายหลายชนิดให้คุณเลือกทำธุรกิจกับสินค้าที่คุณชื่นชอบหรือใช้เป็นประจำอยู่แล้ว แถมราคาสินค้าก็ถูก แล้วยังคุณภาพดีอีกด้วย ณ วันนี้นะครับ ถ้าคุณเดินเข้าเซเว่นไปซื้อสบู่มาใช้ ใช้ไปแล้วครึ่งก้อน เพิ่งนึกขึ้นมาได้ว่าไม่ชอบใจสบู่ก้อนนั้น คุณเอาไปคืนที่เซเว่นนี่โดนไล่เลยนะครับ บ้าอย่างเดียวเลย แต่ถ้าคุณซื้อสบู่ในร้านแอมเวย์ ใช้หมดไปแล้วครึ่งก้อน คุณนึกขึ้นได้ว่าไม่ชอบ คุณเอาไปคืนนี่แอมเวย์รับคืนนะครับ ให้คืนมาเต็มจำนวนอีกด้วย รู้แบบนี้แล้วคุณว่าดีมั้ยครับ ซื้อของมาใช้ ลงทุนกับตัวเอง แล้วมีรายได้กลับคืนมา แบบนี้ดีมั้ยครับ คุณลองดูภาพนี้นะครับ
ถ้าคุณลงทุนเปิดร้านสะดวกซื้อ 6 แห่ง แห่งละ 3 ล้านบาท คุณจะต้องลงทุน 18 ล้านบาท
แต่ถ้าคุณจะเปิด แอมเวย์ shop กว่า 90 แห่งทั่วโลก เปิด 45 สาขาทั่วประเทศไทย และจากนี้ไปจะเปิดเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ถามว่าคุณจะต้องลงทุนเท่าไหร่? เชื่อมั้ยครับว่า แอมเวย์ shop หนึ่งสาขานั้น หากว่าคุณเปิด คุณจะต้องใช้เงินไม่ต่ำกว่า 10 ล้านบาทนะครับ บางสาขาอาจใช้ถึง 100 ล้านบาท แต่คุณเชื่อมั้ยครับว่าคุณสามารถเป็นเจ้าของ Amway Shop ทั่วโลกด้วยเงินลงทุนเพียง 900บาท ซึ่งก็คือค่าสมัครเป็นหุ้นส่วนกับแอมเวย์ ธุรกิจที่ดีและลงทุนต่ำแบบนี้คุณสนใจทำมั้ยครับ
9. ไม่มีรถ
ตอบ ดีจังเลยครับ เพราะหลายคนที่สำเร็จในธุรกิจแอมเวย์ เค้าก็ไม่มีรถกันเลย เพราะว่าถ้าเรากำลังเริ่มต้นทำธุรกิจนะ แล้วใช้รถเนี่ย ไหนจะเปลืองค่าน้ำมันรถ ไหนจะค่าบำรุงรักษารถอีก มันจะทำให้เราหมดค่าใช้จ่ายไปปล่าวๆ เพราะว่าช่วงเริ่มต้นของการทำธุรกิจแอมเวย์ เราแค่ทดลองใช้สินค้าไม่ได้ใช้รถอยู่แล้ว อีกอย่างถ้าเราจะซื้อสินค้า แต่เราไม่รู้จะไปซื้อยังไงดี แอมเวย์ก็บอกว่าคุณโทรมาสั่งก็ได้ หรือสั่งทางอินเตอร์เน็ทเลยก็ยังได้ โดยเข้าไปที่เว็บ www.amwayshopping.com ก็จะมีสินค้าให้เลือกซื้อกัน มีทั้งภาพและรายละเอียดของสินค้าอีกด้วย หรือถ้าท่านยังต้องการมีรถจริงๆแต่ยังไม่มีเงินพอซื้อรถ ถ้าเหตุผลคือแบบนั้น ท่านก็ไปสปอนเซอร์ เพื่อนที่มีรถมาทำธุรกิจด้วยกันก็ได้ หรือไม่ก็ทำแอมเวย์เป็นซัก 15% ก็จะมีเงินพอผ่อนรถ เพียงเท่านี้ปัญหาเรื่องไม่มีรถของท่านก็จะหมดไป
10. ไม่อยากรวย
ตอบ (คุณเชื่อมั้ยครับว่าไม่มีใครไม่อยากรวยหรอกครับ คนเรานะครับถึงไม่รวยเงินทอง ก็ควรจะรวยน้ำใจจริงมั้ยครับ แต่ถ้าสามารถรวยได้ทั้งกายและใจ ก็จะดีที่สุดจริงมั้ยครับ) กรณีเจอคนพูดแบบนี้ ให้คุณบอกเขาไปเล่นๆว่า งั้นดีเลย ก็ลองทำดู แล้วพอรวยค่อยเอาเงินมาให้ผมก็ได้ พูดเล่นน่ะครับ ก็จริงๆแล้วถ้าเราจะหาเงินเพื่อหวังรวย เราไปทำอาชีพอะไรก็ได้ เราไปทำงานอะไรก็ได้ ไม่จำเป็นต้องเป็นแอมเวย์หรอก แต่ถ้าเราทำแอมเวย์สำเร็จนะ เราจะได้อิสรภาพ อิสรภาพด้านการเงิน อิสรภาพด้านเวลา และที่ผมชอบที่สุดคือได้ช่วยเหลือผู้คน หลายคนเป็นคนที่มีศักยภาพในตัวเองสูงแต่ว่าก็ไม่มีโอกาสที่ดีพอในชีวิต แต่ในวันหนึ่งมีผู้นำโอกาสที่ดีไปให้คนเหล่านั้น ทำให้ในตอนนี้พวกเขาสามารถเปลี่ยนแปลงชีวิตจากคนๆหนึ่งซึ่งด้อยโอกาสในสังคม มีโอกาสได้มีชีวิตที่ดีขึ้นและมั่นคง จนทุกวันนี้คนเหล่านั้นขอบคุณผู้ที่มอบโอกาสดีๆแบบนี้ให้กับเขา คุณว่าแบบนี้ได้บุญมั้ยครับ การช่วยเหลือผู้คนให้มีอาชีพ มีวิชาทำมาหากิน เราเรียกผู้ที่ช่วยเหลือว่าเป็นครู แต่ทำแอมเวย์เราไม่เพียงแต่ช่วยเหลือผู้คนให้มีอาชีพที่ดีทำมาหากินได้ แต่เราได้ช่วยเหลือผู้คนให้ประสบความสำเร็จในชีวิตนะครับ ถามว่าวันนี้ถ้าคุณไม่ได้สนใจเงินทอง แต่ถ้าทำแอมเวย์แล้วคุณจะได้อิสรภาพ แถมยังได้ช่วยคนอีกด้วยคุณสนใจมั้ย
11. ถ้ามันทำกันทั้งประเทศแล้วคนสุดท้ายจะไปชวนใคร
ตอบ คุณเคยเจอคำถามแบบนี้มั้ยครับ “ถ้าแผนการตลาดมันดีแบบนี้นะ อีกหน่อย คนคงทำกันทั้งประเทศ แล้วคนสุดท้ายจะไปชวนใคร” คืน คนที่ถามคำถามเค้ากลัวว่า อีกหน่อยก็คงอิ่มตัว อีกหน่อยก็คงตัน ไปไม่รอด แต่ในความเป็นจริงแล้ว Amway เปิดมา 50 ปีที่สหรัฐมีนักธุรกิจแอมเวย์ประมาณ 1,000,000 คน ในประเทศไทยเปิดมา 20 กว่าปี มีนักธุรกิจแอมเวย์ประมาณ 300,000 คน คุณแปลกใจมั้ยครับ ว่าคนสมัครแอมเวย์วันละเป็นหมื่นๆคน แล้วก็เป็นแบบนี้มา 20 กว่าปี ทำไมคนถึงไม่หมดประเทศ สมัครวันละเป็นหมื่น 20 ปีผ่านไปมีแค่ 300,000 นั่นเป็นเพราะว่า คนที่สมัครเข้ามาเค้าไม่ได้คิดที่จะทำกันทุกคนไงครับ มีทั้งสมัครเกรงใจ สมัครใช้สินค้าราคาทุน สมัครขายเล่นๆแล้วเลิก คนเหล่านี้เมื่อเวลาผ่านไป ก็จะหมดอายุเลิกราจากธุรกิจไป ถ้าเรามาดูที่สถิติในแต่ละปีแล้ว จำนวนผู้สมัคร 100 คน มีต่ออายุเพียง 25 คนเท่านั้น และใน 25 คนนั้น ก็มีทั้งพวกรักสินค้า พวกต่ออายุไปงั้นๆ ไม่ได้คิดจะทำธุรกิจ มีเหลืออยู่เพียงแค่ไม่กี่คนที่ยังทำธุรกิจอยู่ และถ้าเราลองมาดูที่อัตราการเกิด 4 ปีที่ผ่านมา มีคนไทยเกิดประมาณหนึ่งล้านคน ถ้าเราคิดค่าเฉลี่ย ตกปีละประมาณ 250,000 คน เดือนละ 20,833 คน วันละ 694 คน แสดงว่าจะมีคนไทยอายุครบ 18 ปีละ 250,000 คน ยิ่งจำนวนประชากรเพิ่ม อัตราการเกิดก็ยิ่งเพิ่มขึ้นด้วย นักธุรกิจแอมเวย์มี 300,000คน ต่ออายุไปงั้นๆอยู่ 2 ใน 3 เหลือพวกทำธุรกิจจริงๆอยู่ประมาณ 25,000 คน บางคนก็สปอนเซอร์ทุกวัน บางคนก็สปอนเซอร์เดือนละคน แถมคนที่สปอนเซอร์เข้ามา หลายๆคนก็ไม่ใช่คนที่เพิ่งอายุครบ 18 แต่เป็นคนที่หมดอายุไปแล้ว หรือสมัครมาแล้วหลายครั้ง สรุปก็คือเราไม่สามารถสปอนเซอร์ทันอัตราการเกิดได้ครับ คนไทยมีตั้ง 70 ล้านคน อายุ 18 ปีขึ้นไป ถ้ายังมีหัวอยู่ก็สมัครได้หมด ไม่จำกัดอายุ ไม่จำกัดการศึกษา ไม่จำกัดความสมประกอบของร่างกาย ถ้ายังไม่ตายสมัครได้หมด เห็นมั้ยครับว่าเรามีผู้มุ่งหวังมากมายให้ชวน ว่าแต่คุณจะเป็นหนึ่งใน 25% ที่ต่ออายุ และมีส่วนหนึ่งทำจริงจังแล้วประสบความสำเร็จ หรือจะเป็นคน 75% ที่เสียโอกาสที่ดีนี้ไปดีครับ
12. ลูกเล็ก ต้องดูแลลูก
ตอบ จริงๆแล้วถ้าลูกยังเล็กอยู่นี่แหละดีที่สุดเลย เพราะว่าเรายังไม่ต้องใช้เงินเลี้ยงดูเขามาก ดูแลก็ง่ายกว่าตอนโตตั้งเยอะ เพราะยิ่งลูกโต ค่าใช้จ่ายก็จะโตตามลูกเราเป็นเงาตามตัวไปด้วย แถมดูแลก็ยากกว่า เพราะว่าเป็นวัยรุ่น ไหนจะต้องคิดถึงเรื่องค่าเรียนพิเศษ ถ้าดูแลไม่ดีก็ช่วงนี้เป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่ออีก ถ้าเราไม่มีเงินรองรับอนาคตของเค้า เพื่อให้เค้าได้เรียนสูงๆ เค้าอาจเป็นเด็กที่เสียโอกาสดีๆไปเลยก็ได้นะ ผมว่าลูกยังเล็กนี่แหละดีที่สุดแล้ว เค้าจะได้เป็นกำลังใจให้เราด้วยไง เพราะตอนนี้โอกาสดีๆ ที่จะสามารถทำให้คุณส่งลูกเรียนจบกี่ดอกเตอร์ก็ได้อยู่ตรงนี้แล้ว (ถ้าเขาเป็นคนรวย คุณอาจจะบอกว่า แอมเวย์ทำให้เค้ามีเวลาอยู่กับลูกได้ทั้งวันโดยไม่ต้องห่วงอะไรอีก) โอกาสดีๆแบบนี้ นานๆจะมาครั้งนึง ตอนนี้พี่เจอมันแล้ว ลองคว้าเอาไว้ก่อน แล้วเข้ามาศึกษาดู เพราะนักธุรกิจแอมเวย์หลายๆคนก็ลูกยังเล็กแบบพี่นี่แหละ ว่าแต่ว่า พี่มีรูปถ่ายมั้ย ถ้าไม่มีเดี๋ยวผมถ่ายให้
13. ไม่ชอบงานแบบนี้
ตอบ พี่มีความฝันมั้ยครับ (มี) แล้วฝันอะไรไว้บ้างล่ะ บอกผมบ้างได้มั้ย อย่างรถในฝัน บ้านในฝันน่ะ มีบ้างมั้ยครับ (ก็มีนะ) ผมเองก็มีความฝันเหมือนกันนะ ผมฝันไว้ว่า ซักวันนึงจะต้องเป็นเจ้าของรถบีเอ็มดับเบิ้ลยู ซีรี่ห้า ผมฝันไว้ว่าอยากใช้ชีวิตสงบๆอยู่ในบ้านหลังใหญ่ มีสวนรอบบ้าน ภายในบ้าน พ่อแม่ลูกอยู่ด้วยกันพร้อมหน้า ทานข้าวด้วยกันทุกมื้อ ตกเย็นก็ไปออกกำลังกายพร้อมกัน พอลูกๆปิดเทอมก็หยุดงานซัก 1 เดือน พาลูกๆและครอบครัวไปเที่ยวต่างประเทศด้วยกัน ชีวิตมีอิสรภาพมีความสุข แล้วพี่ล่ะครับมีความฝันแบบไหน คล้ายๆกับของผมมั้ย ถ้าสมมติไม่ใช่แอมเวย์ แต่ว่าเราจะหางานทำซักงานนึง ที่จะสามารถให้ในสิ่งที่เราฝันทั้งหมดได้ มีเงินใช้แม้ว่าจะทำงานอยู่หรือไม่ งานๆนี้ถึงแม้ว่าเราจะเสียชีวิตไป แต่ก็สามารถโอนเป็นมรดกให้ทาญาติมีเงินใช้ต่อไปได้ มีรายได้ไม่จำกัด มีอิสรภาพด้านเวลา สามรถไปเที่ยวเมื่อไหร่ก็ได้ที่อยากจะไป ชีวิตมีคุณค่าทั้งต่อตนเองและต่อผู้อื่นด้วย พี่คิดว่าถ้าเป็นพี่ พี่จะทำงานอะไรดีครับ งานประจำที่ทำอยู่นั้นสามารถตอบโจทย์ชีวิตของพี่ได้รึปล่าว ถ้างานประจำของพี่ไม่สามารถตอบโจทย์ชีวิตของพี่ได้ หรือว่าถ้าพี่กำลังมองหางานที่สามารถตอบโจทย์ความฝันของพี่ได้ทั้งหมด แต่ยังหาไม่เจอ ผมขอเสนองานนี้ครับ เพียงแต่เราใช้ตัวเราคนเดิม คนเดิมนี่แหละครับ ใช้ศักยภาพเดียวกันกับที่เราใช้ในการทำงานประจำ เวลาเดียวกันกับที่เราเคยใช้ทำอย่างอื่น ลองมาทำงานๆนี้ มันอาจจะไม่ใช่งานที่พี่ชอบ อาจจะเป็นงานที่หลายๆคนไม่ได้อยากทำ แต่ทุกๆคนที่ทำงานนี้สำเร็จ จะได้ความฝันทุกๆอย่างที่เคยฝันไว้ ถ้างานนี้มันง่ายขนาดที่ว่า คนตาบอด หูตึง แขนด้วน ยังประสบความสำเร็จได้ ถ้าเป็นพี่ พี่อยากลองทำดูบ้างมั้ยครับ
14. ถ้าสมมติฟ้าผ่าโรงงานแอมเวย์ไฟไหม้หมด 750 ไร่ เค้าจะเอาเงินจากไหนมาจ่ายคุณ
ตอบ แล้วถ้าสมมติฟ้าผ่า บริษัทคุณไฟไหม้หมดบ้างล่ะ เค้าจะเอาเงินจากไหนมาจ่ายคุณ ตรงนี้พี่ไม่ต้องกังวลขนาดนั้นนะครับ โรงงานการผลิตสินค้าของแอมเวย์ ไม่ได้มีเพียงแค่แห่งเดียว อีกอย่าง เหตุการณ์คลังสินค้าและบริษัทแอมเวย์ในประเทศมาเลเซีย ถูกเผาหมดประเทศ ก็เคยเกิดขึ้นมาแล้ว แอมเวย์เค้าก็เอาเงินสำรองของบริษัทมาจ่ายให้นักธุรกิจแอมเวย์ในประเทศมาเลเซีย ช่วยเหลือเรื่องสินค้า และสร้างให้ใหม่ทั้งหมด จนถึงตอนนี้ แอมเวย์ประเทศมาเลเซีย ก็ยังเติบโตดีอยู่ และเติบโตขึ้นเรื่อยๆด้วย และมีชาวมาเลเซียหลายคนเป็นเศรษฐีจากธุรกิจแอมเวย์เพิ่มมากขึ้นกว่าก่อนไฟไหม้ด้วยซ้ำ
15. แอมเวย์มั่นคงจริงหรือ แล้วเป็นของเราจริงรึปล่าว
ตอบ แอมเวย์มั่นคงแน่นอนครับ แต่ว่าคนที่เข้ามาทำแอมเวย์นี่ไม่ค่อยมั่นคงเลย เจอปัญหาหน่อยก็ท้อ ปัญหานิดก็ถอย ไม่อดทนเลย ในงานประจำ เวลาเจ้านายด่ายังทนได้ แต่พอมาทำแอมเวย์ถูกปฏิเสธครั้งเดียว “เลิก” ทำไมต้องเลิกครับ? ทุกท่านครับ จะทำงานใหญ่ก็ต้องคิดใหญ่ตามงานที่ทำครับอย่าคิดเล็ก บริษัทแอมเวย์เปิดมาแล้ว 50 ปี ไม่เคยประสบปัญหาขาดทุน ไม่เคยมีการประท้วงหยุดงาน ไม่เคยมีเดือนไหนที่แอมเวย์ปันผลช้าหรือไม่ตรงเวลา ผมบอกเอาไว้เลยครับว่า
“แอมเวย์จะเติบโตขึ้นเรื่อยๆ ถึงแม้ว่าคุณจะทำหรือไม่ทำ”
แล้วตัวเราล่ะครับ ทำไมถึงไม่คิดว่าไหนๆแอมเวย์ก็โตแน่ๆอยู่แล้ว ทำไมเราไม่โตไปพร้อมๆกับแอมเวย์ล่ะ แอมเวย์เป็นธุรกิจของคุณเองนั้นหมายความว่า คุณสามารถที่จะสร้างธุรกิจแอมเวย์ของคุณขึ้นมาให้มั่นคงได้ คืออะไรที่เป็นของๆเรา เราสามารถสร้างมันขึ้นมาให้มั่นคงได้ จริงมั้ยครับ เพราะฉะนั้น ผมขอสรุปว่า บริษัทแอมเวย์มั่นคงแน่นอน แต่ธุรกิจแอมเวย์ของคุณจะมั่นคงหรือไม่นั้น อยู่ที่การสร้างของคน ถ้าเราสร้างขึ้นมาดี ไม่ทำผิดกฎจรรยาบรรณ เราจะมั่นคงใช่มั้ยครับ หรือถ้าคุณยังสงสัยอยู่ ก็ขอให้ถามผู้แนะนำคุณ หรือจะดูในชุดคู่มือนักธุรกิจก็ได้
16. อยากลองทำดูอยู่นะ “แต่ไม่ประชุมได้มั้ย”
ตอบ ได้ครับพี่ เผื่อบางทีพี่อาจจะเป็นคนแรกในโลกเลยก็ได้ ที่ไม่ไปประชุมแล้วประสบความสำเร็จ เพราะว่าจากที่ผมรู้มานะครับ ยังไม่เคยมีนักธุรกิจท่านใดในโลกนี้เลย ที่สามารถประสบความสำเร็จได้โดยไม่ไปประชุม ถ้าจะเปรียบเทียบกันแล้ว ที่ประชุมแอมเวย์ก็เปรียบเสมือนโรงเรียนสอนธุรกิจ คนเราไม่สามารถพูดได้เขียนได้มาแต่กำเนิด ทุกๆคนล้วนแล้วแต่ต้องไปโรงเรียนกันทั้งนั้น ในธุรกิจแอมเวย์เองก็เหมือนกัน ไม่มีใครที่ทำแอมเวย์เก่งมาตั้งแต่ยังไม่ได้สมัคร ไม่ว่าจะเป็นหมอ เป็นดอกเตอร์ แม่ค้าขายผัก หรือใครๆก็แล้วแต่ เมื่อเริ่มต้นสมัครแอมเวย์ใหม่ๆ ทุกคนจะมีสถานะเท่าเทียมกันก็คือ เป็นคนใหม่ ต้องเรียนมากๆจะได้ไม่หลงทาง เวลาออกไปทำงานจะได้ทำถูกวิธี ไม่ว่าจะเป็นใคร ไม่เก่งยังไง ไม่รู้หนังสือ ก็สามารถเรียนแอมเวย์ได้ครับ ถ้าไม่บ้ากับไม่ปัญญาอ่อน
17. ไม่ขายได้มั้ย
ตอบ ได้ครับพี่ เพราะจริงๆแล้วสินค้าของแอมเวย์ เค้าไม่ได้ทำมาเพื่อขายเพียงอย่างเดียวครับ แต่เค้าทำมาให้คนใช้ “เมื่อใช้ชอบแล้วค่อยบอกต่อ” เอาอย่างนี้ก็แล้วกัน ถ้าพี่ไม่ชอบขายก็ลองแบบนี้ดูสิ เวลาเค้าจัดประชุมกันที่ไหน พี่ก็ไปประชุม แล้วเดี๋ยว จะมีคนมาสอนวิธีการทำแบบไม่ต้องขายหลายๆวิธีให้ มีคนมาสาธิตสินค้าหลายๆอย่างให้ดู แล้วยังมีคนมาบอก โปรโมชั่น ว่าซื้ออะไรแถมอะไร ให้เรารู้ได้อีกด้วย ที่สำคัญคือ ไม่มีค่าใช้จ่ายครับ ประชุมฟรีแถมได้ความรู้เอามาทำธุรกิจด้วย แบบนี้น่าไปมั้ยครับพี่
18. มันเป็นแบบลูกโซ่ปิรามิดใช่มั้ย
ตอบ ธุรกิจลูกโซ่หรือปิรามิดนั้น ก็มีข้อสังเกตุง่ายๆครับ คือค่าสมัครเริ่มต้นจะสูงมากกว่าพันถึงสองพันบาทขึ้นไป ไม่สามารถแซงคนที่มาก่อนได้ ที่สำคัญคือ สินค้าซื้อมาแล้วก็ไม่สามารถคืนได้ หากคุณต้องการความก้าวหน้าในธุรกิจ คุณจะต้องมียอดซื้อขึ้นมาทุกๆเดือน สมัครแล้วไม่ต้องต่ออายุ เพียงแต่ต้องมียอดซื้อขึ้นมาทุกเดือนๆ ถ้าคุณอยากได้ทุนคืน คุณต้องไปหาสมาชิกเพิ่มซัก 2 คน แล้วคุณจะได้ค่าหัวของ 2 คนนั้นจากค่าสมัครของเขา คุณก็จะคืนทุกพอดี
นี่คือลักษณะคร่าวๆของธุรกิจลูกโซ่ ปิรามิด กินหัวคิว ซึ่งคนไทยหลายๆคนก็โดนหลอกล่อด้วยเงินจำนวนมาก ที่เขาบอกว่าจะจ่ายให้คุณ หากคุณประสบความสำเร็จ แต่ในความเป็นจริงแล้ว บริษัทเหล่านี้เขาไม่ได้สนใจคุณ เขาสนแค่ว่า เขาจะได้กำไรเท่าไหร่ จากนั้นเมื่อธุรกิจเริ่มตัน เพราะคนไม่มีเงินซื้อของ หรือคนสมัครกันเยอะแล้ว และหลายคนเริ่มรู้แล้วว่าตนเองถูกหลอก สินค้าไม่ได้ดีจริงอย่างที่โฆษณาเอาไว้ บริษัทเหล่านั้นก็จะปิดกิจการไปโดยทิ้งให้ผู้ที่สมัครเข้ามาลอยเคว้งคว้าง ไม่รู้ว่าจะทำอะไรต่อไป แถมยังโดนญาติมิตร เพื่อนสนิทด่าว่าหลอกเค้า มาทำธุรกิจลูกโซ่ แต่สุดท้ายบริษัทเหล่านั้นก็จะไปเปิดบริษัทใหม่ ผู้บริหารหน้าเดิมๆ แต่สินค้ายี่ห้อใหม่ เหมือนเดิมครับ คือทำก่อนแล้วจะอยู่ข้างบน จะได้รวยกว่าคนอื่น คนที่ไม่ได้คิดหน้าคิดหลัง ก็จะแห่กันไปสมัคร เพราะคิดว่าจะรวยได้จริง แต่สุดท้าย ก็กลับมาอยู่กันแบบซังกะตายเหมือนเดิมอีก แต่ในธุรกิจแอมเวย์นั้น ชุดสมัครราคา 900 บาท เราไม่มีสิทธิ์ได้เงินจากค่าสมัครของคนอื่นแม้แต่บาทเดียว ก็แปลว่าแอมเวย์ไม่ใช่ธุรกิจกินหัวคิว ความสำเร็จในธุรกิจแอมเวย์ของคุณจะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อ คุณช่วยเหลือผู้อื่นให้ประสบความสำเร็จก่อน จากนั้นคุณจึงจะประสบความสำเร็จตาม โดยที่คุณต้องช่วยเหลือให้เขาตัดขาดจากคุณและไปขึ้นตรงกับแอมเวย์เอง ก็ไม่ใช่ธุรกิจลูกโซ่ เพราะสามารถตัดขาดจากกันได้ ยิ่งไปกว่านั้น หากคุณมีความขยันมากกว่า ถึงคุณจะมาทีหลัง แต่คุณก็สามารถที่จะ แซงคนที่มาก่อนได้ ด้วยการช่วยเหลือผู้คนให้ได้มากกว่าผู้แนะนำ ก็แปลว่าแอมเวย์เป็นธุรกิจที่ยุติธรรมแซงกันได้ไม่ใช่ระบบปิรามิด
ดีมากๆ ละเอียดดี ขอบคุณที่ทำให้เห็นภาพ
ตอบลบ